Cloudflare ประสบความสำเร็จในการป้องกันการโจมตี DDoS ขนาด 3.8 Tbps ซึ่งถือเป็นการโจมตีที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยบริษัทได้ใช้เทคโนโลยีการวิเคราะห์อัจฉริยะเพื่อระบุและตอบสนองต่อภัยคุกคามเหล่านี้อย่างรวดเร็ว การโจมตีที่เกิดขึ้นในวันที่ 22 สิงหาคมที่ผ่านมา เป็นการโจมตีที่เกิดขึ้นจากกลุ่มที่มีการจัดการซึ่งมีเป้าหมายเพื่อทำให้ระบบไม่สามารถให้บริการได้ โดยใช้ข้อมูลที่แยกย่อยออกจากเซิร์ฟเวอร์เป็นหลัก
นอกจากนี้ Cloudflare ยังใช้ระบบป้องกันที่เรียกว่า "Magic Transit" ซึ่งสามารถจัดการกับการโจมตีได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการใช้เครือข่ายที่กระจายอยู่ทั่วโลกเพื่อช่วยในการลดความเสี่ยง ทำให้การให้บริการไม่สะดุด สำหรับผู้ใช้งานที่ได้รับผลกระทบจากการโจมตีในครั้งนี้ ทาง Cloudflare ได้ใช้ระบบอัตโนมัติในการฟื้นฟูบริการอย่างรวดเร็ว เพื่อให้ผู้ใช้งานไม่ต้องประสบปัญหาในการเข้าถึงบริการที่สำคัญ
การโจมตี DDoS ในครั้งนี้เป็นสัญญาณเตือนให้ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตและบริษัทเทคโนโลยีต่าง ๆ จำเป็นต้องมีมาตรการป้องกันที่เข้มงวดมากขึ้น เนื่องจากการโจมตีในลักษณะนี้สามารถสร้างความเสียหายทางธุรกิจและชื่อเสียงได้อย่างมหาศาล Cloudflare ยืนยันว่าการลงทุนในเทคโนโลยีการป้องกันภัยคุกคามไซเบอร์เป็นสิ่งที่จำเป็นในยุคที่การโจมตีไซเบอร์มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
ที่มา : Cloud Flare
